บทความที่น่าสนใจ

 

25 ก.ย.67 วันแรก เฮ้...10,000 ได้แล้วเรียบร้อย กลุ่มเปาะบาง คนพิการ

จำนวนผู้เข้าชม: 221

 

 

 

เฮ้.. ได้แล้ว 10,000 เข้าบัญชีเรียบร้อย 

เป็นยังไงกันบ้าง อัพเดท  “เงินดิจิทัล10000” ล่าสุด   แจกกลุ่มเปราะบาง วันนี้ (25 ก.ย.67)  ยังเป็นคำถามที่ถามกันอยู่ ว่า ได้รับเงินเข้าบัญชีเรียบร้อยกันหรือยัง

   เป็นวันแรกที่จะมีการโอนเงิน 10,000 บ.เข้าบัญชีผู้มีสิทธิ์ได้รับตามโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งตลอดทั้งคืนและช่วงเช้าที่ผ่านมาพบบรรยากาศที่บริเวณตู้เอทีเอ็มหลายพื้นที่ค่อนข้างเงียบเหงา ยังไม่มีประชาชนมาใช้บริการกดเงินออกจากตู้

วันนี้ (25 ก.ย.67) เป็นวันแรกที่กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง จะจ่ายเงินให้กับผู้มีสิทธิรับเงิน 10,000 บาท ตามโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ตของรัฐบาล โดยมีการเริ่มทยอยโอนเงินเข้าบัญชีพร้อมเพย์ และบัญชีธนาคารที่แจ้งไว้ให้กับผู้มีสิทธิ์ตั้งแต่เมื่อช่วงเที่ยงคืนที่ผ่านมา และจะดำเนินการต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 30 ก.ย.นี้ 

ก่อนหน้านี้ กรมบัญชีกลาง ได้เปิดให้กลุ่มเปราะบางซึ่งถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และคนพิการจำนวน 14.5 ล้านคน ตรวจสอบสิทธิ เพื่อรับเงินโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2567

สำหรับกลุ่มแรกที่จะได้รับเงิน 10,000 บาท ตั้งแต่วันนี้ คือ คนพิการ และผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่มีเลขประจำตัวบัตรประชาชนลงท้าย เลข 0 จำนวน ส่วนวันพรุ่งนี้ (26 ก.ย.67) จะเป็นการโอนเข้าบัญชีผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่มีเลขประจำตัวบัตรประชาชนลงท้ายเลข 1, 2, 3 วันที่ 27 ก.ย.67 โอนเงินให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่มีเลขประจำตัวบัตรประชาชนลงท้าย เลข 4,5,6, 7 และวันที่ 30 ก.ย.67 โอนเงินให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่มีเลขประจำตัวบัตรประชาชนลงท้าย เลข 8 และ 9

จากการสำรวจบรรยากาศที่บริเวณตู้เอทีเอ็มย่านถนนวิภาวดีรังสิต ช่วงเช้าที่ผ่านมา พบว่า ค่อนข้างเงียบเหงา ยังไม่มีประชาชนเดินทางมากดเงินออกจากตู้เอทีเอ็มแต่คาดว่าในช่วงสายของวันนี้จะมีประชาชนที่ได้รับโอนเงินเข้าบัญชีทยอยเดินทางมากดเงินเพื่อนำไปจับจ่ายใช้สอย


สำหรับผู้พิการที่ไม่มีบัตรประจำตัวคนพิการ หรือ บัตรประจำตัวคนพิการหมดอายุ สามารถขึ้นทะเบียนทำบัตร หรือ ต่ออายุบัตรผู้พิการให้เรียบร้อยก่อนภายในวันที่ 3 ธ.ค.นี้ เพื่อขอรับบัตรสิทธิตามโครงการเงินดิจิทัลวอลเลต 10,000 บาท


วันนี้ (3 กันยายน 2567) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเฉลิมพล เพ็ญสูตร ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เปิดเผยถึงโครงการเติมเงิน 10000 บาท ผ่าน Digital Wallet โดยเฉพาะการจัดเตรียมงบประมาณไว้แจกให้ประชาชนใน กลุ่มเปราะบาง 14 ล้านคน ว่า เมื่อรัฐบาลใหม่ แถลงนโยบายต่อรัฐสภาแล้ว ก็สามารถใช้งบประมาณเพิ่มเติม ปี 2567 วงเงิน 1.22 แสนล้านบาท มาใช้แจกกลุ่มเปราะบางได้ทันทีภายในเดือนกันยายน 2567 นี้ โดยไม่มีปัญหาใดๆ


“หากมีการเปลี่ยนชื่อโครงการก็ไม่กระทบ โครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10000 บาท เนื่องจากอยู่ในวัตถุประสงค์กระตุ้นเศรษฐกิจอยู่แล้ว  ทั้งนี้การปรับเปลี่ยนชื่อของโครงการดิจิทัลวอลเลต ขึ้นอยู่กับนโยบายของรัฐบาล ที่จะแถลงต่อรัฐสภา แต่ที่ผ่านมารัฐบาลได้เขียนไว้ในงบกลาง มีวัตถุประสงค์ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ” นายเฉลิมพล ระบุ

อย่างไรก็ตามเมื่อมีการได้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ใหม่ และมีการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาแล้ว ก็สามารถใช้งบประมาณเพิ่มเติม วงเงิน 1.22 แสนล้านบาท มาดำเนินการได้ทันที เพราะที่ผ่านมามีการลงทะเบียนคนกลุ่มนี้ไว้แล้ว ส่วนงบประมาณปี 2568 ตอนนี้ยังต้องรอขั้นตอนการพิจารณาของรัฐสภา เพื่อนำมาใช้ในโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป

สำหรับการเตรียมความพร้อมของแหล่งวงเงินโครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10000 บาท เพื่อแจกให้กับประชาชนกลุ่มเป้าหมายจำนวน 45 ล้านคน วงเงินรวม 450,000 ล้านบาท เดิมตามมติคณะกรรมการนโยบายเติมเงินดิจิทัลฯ ได้เห็นชอบแหล่งเงินจากงบประมาณปี 2567-2568 แบ่งเป็น


1.การบริหารการคลังและการบริหารจัดการเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 จำนวน 165,000 ล้านบาท

2.การบริหารการคลังและการบริหารจัดการเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 ประมาณ 285,000 ล้านบาท

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 ในวาระที่ 2 และ 3 ซึ่งมีข้อห่วงใยในงบประมาณของโครงการดิจิทัลวอลเล็ตว่า รัฐบาลพร้อมรับฟัง ซึ่งนายกรัฐมนตรีคงจะพิจารณาปรับรูปแบบให้มีความปลอดภัยมากขึ้น ตามที่ได้รับฟังข้อห่วงใยจากหน่วยงานทั้งภาครัฐ ประชาชน รวมถึงฝ่ายค้าน ในเรื่องของการปรับเปลี่ยนรูปแบบของโครงการดิจิทัลวอลเล็ตในบางจุด เพื่อให้เกิดประโยชน์โดยเร็วในการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อให้ประชาชนได้จับจ่ายโดยเร็ว และมีเม็ดเงินลงทุนโดยเร็ว


“เป็นไปได้ที่จะมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบ โดยในบางส่วนอาจจะจ่ายเป็นเงินสด แต่สุดท้ายแล้ว จะเป็นในรูปแบบใดบ้าง ขอให้เป็นการพิจารณาร่วมกันในพรรคร่วมรัฐบาลที่จะต้องมีการพูดคุยร่วมกัน ซึ่งวานนี้ (3 ก.ย.) เพิ่งได้รับหนังสือจากทางพรรคภูมิใจไทย ในเรื่องของแนวนโยบาย ซึ่งต้องนำทั้งหมดมารวมกัน เพื่อให้เกิดเป็นแนวนโยบายแห่งรัฐที่ทุกคนยอมรับได้” นายจุลพันธ์ กล่าว


พร้อมระบุว่า การปรับเปลี่ยนสิ่งใดก็ตาม ย่อมมีทั้งข้อบวก และข้อลบในตัวของมันเอง ดังนั้น จะต้องหาจุดสมดุลที่เหมาะสมที่สุด เพื่อให้โครงการเดินหน้าได้บรรลุวัตถุประสงค์ตามที่วางไว้ตั้งแต่ต้น ทั้งเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจ และเรื่องการสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจดิจิทัล    

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

^