จำนวนผู้เข้าชม: 168
ไวรัสโคโรนาเป็นไวรัสที่จัดอยู่ในวงศ์ใหญ่ที่สุดในบรรดาไวรัสที่พบในทั้งสัตว์และคน ไวรัสโคโรนายังเป็นสาเหตุทำให้เกิดความเจ็บป่วยต่าง ๆ ตั้งแต่โรคหวัดธรรมดาจนถึงโรคที่ทำให้เกิดความเจ็บป่วยอย่างรุนแรง เช่น โรคทางเดินหายใจตะวันออกกลาง (MERS) และ โรคระบบทางเดินหายใจเฉียบพลันร้ายแรง (SARS)
ผู้ที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 นี้จะมีอาการเช่นเดียวกับผู้ป่วยที่มีการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ โดยจะแสดงอาการตั้งแต่ระดับความรุนแรงน้อย ได้แก่ คัดจมูก เจ็บคอ ไอ และมีไข้ โดยในบางรายที่มีอาการรุนแรงจะมีอาการปอดบวมหรือหายใจลำบากร่วมด้วย บางรายเสียชีวิตได้แต่พบไม่บ่อยนัก แต่หากผู้สูงอายุและผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน และโรคหัวใจ จะเป็นกลุ่มที่เสี่ยงต่อการเจ็บป่วยรุนแรงหากได้รับเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
มาตรฐานองค์การอนามัยโลก ได้แนะนำให้ประชาชน ลดการสัมผัสปัจจัยเสี่ยงและการแพร่เชื้อในระยะต่างๆ มาตรฐานนี้ยังแนะนำให้ล้างมือ ดูแลสุขอนามัยทางเดินหายใจ เมื่อไอหรือจามให้ใช้ข้อพับแขนด้านในปิดปากหรือใช้กระดาษชำระแล้วทิ้งในถังขยะ รับประทานอาหารที่ สุก สะอาด ปลอดภัย และหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้ที่มีอาการเจ็บป่วยที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินหายใจ เช่น ผู้ที่มีอาการไอ หรือจาม
ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี โพสต์ข้อความว่า เฝ้าระวัง โอไมครอนสายพันธุ์ใหม่ "GK (XBB.1.5.70)" และ "HK.3 (XBB.1.9.2.5.1.1.3)" มีวิวัฒนาการของส่วนหนามกลายพันธุ์สองตำแหน่งติดกัน (Double Mutation) ช่วยให้จับกับผิวเซลล์ได้ดีขึ้น คาดว่าจะสามารถแพร่ระบาดได้เหนือกว่า XBB ทุกสายพันธุ์ รวมทั้งเอริส (EG.5.1)
ตระหนักแต่ไม่จำเป็นต้องตระหนก โอมิครอน BA.5 แพร่เชื้อได้มากที่สุดในโลก โอมิครอนสายพันธุ์ต่อมามีวิวัฒนาการเพื่อหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันของมนุษย์โดยการผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่าง "เดลตา" และ "โอมิครอน" เกิดเป็น "เดตาครอน (XBC)" ซึ่งตรวจพบครั้งแรกในเดือนธันวาคม 2564 และหลังจากนั้นพบในหลายประเทศ รวมถึงสหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส และเดนมาร์ก ปรากฏว่าแพร่เชื้อได้น้อยกว่า BA.5 และไม่มีอาการรุนแรงเหมือนสายพันธุ์เดลตาและแพร่ระบาดไม่รวดเร็วเหมือนกับโอมิครอนอย่างที่กังวลกัน ในสหรัฐอเมริกา เป็นสายพันธุ์ที่แพร่หลายมากที่สุด โดยเพิ่มขึ้นจาก 11.9% เป็น 17.3% ตั้งแต่ปลายเดือนกรกฎาคมถึงต้นเดือนสิงหาคม แซงหน้า XBB.1.16 ที่แพร่ระบาดมากที่สุดในสหรัฐอเมริกา
เจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐฯ ได้กล่าวเมื่อเดือนมิถุนายน 2566 ว่าการฉีดวัคซีนในปลายปี 2566-ต้นปี 2567 ควรใช้วัคซีนสายพันธุ์เดียวหรือ "โมโนวาเลนต์" ที่มุ่งเป้าไปที่โอมิครอน XBB สายพันธุ์ย่อย XBB.1.5, XBB.1.16 หรือ XBB.2.3 สายพันธุ์ใดสายพันธุ์หนึ่งซึ่งเป็นสายพันธุ์หลักที่ระบาดไปทั่วประเทศสหรัฐและทั่วโลกในขณะนั้น ถึงแม้ว่า สายพันธุ์เหล่านี้จะมีอาการไม่ค่อยจะรุนแรง แล้วกลายเป็นโรคไข้หวัดประจำถิ่นไปแล้ว แต่ก็ยังคงต้องเผ้าระวัง และปฏิบัติ ตามสุขอนามัยพื้นฐาน ก็จะทำให้ปลอดภัยในเบื้องต้น