จำนวนผู้เข้าชม: 206
โค้งอันตราย แต่ถ้าไม่โค้งก็จะอันตรายยิ่งกว่าแน่นอน ก็เลยต้องโค้ง คำว่า "โค้งอันตราย" ไม่ได้หมายความว่า ถ้า ถึงจุดที่ต้องโค้งพอโค้งแล้วอันตราย ความหมายคือ เป็นโค้งที่อันตราย ถ้าหากทำการโค้งโดยไม่ระมัดระวัง เป็นการเตือนให้ทราบล่วงหน้าว่า จุดโค้งจุดนั้นอัตราย นั้นเอง
ทางโค้งก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุขุึ้นบ่อยครั้ง
ถนนทางราบ หรือ ถนนธรรมดา ที่อยู่ภายในเมืองหรือทางหลวงวิ่งไป กลับกรุงเทพฯ-ต่างจังหวัด ซึ่งบางที่มีทางคดเคี้ยวเหมือนเถ้าวัลย์พันเกี่ยวที่เลี้ยวลด แฮ่! สาเหตุที่ต้องออกแบบให้ถนนโค้งนั้นคือ
1.เพื่อหลบหลีกสภาพพื้นดินที่ไม่สามารถรับน้ำหนักของรถที่วิ่งไปมา หรือจอดติดยาวเป็นกิโลฯ ได้ในบางพื้นที่
2.เพื่อหลบหลีกสิ่งก่อสร้างที่สร้างก่อนตัดถนน (ทำไมไม่ตัดถนนก่อนสร้างกันนะ อันนี้ไม่เข้าใจเหมือนกัน Orz)
3.เพื่อไม่ให้ผู้ขับขี่เกิดอาการง่วงเหงาหาวนอนระหว่างใช้ถนน เนื่องจากถนนที่เป็นเส้นตรง หากมีความยาวมาก ๆ จะทำให้ผู้ขับขี่เกิดอาการเพลินจนง่วง และอาจนำมาให้เกิดอุบัติเหตุได้
4.เพื่อเป็นการลดความเร็วในการขับขี่ในบางช่วง เพื่อลดอุบัติเหตุ
ถนนทางดิ่ง สามารถพบได้ในทางขึ้นเขาขึ้นดอย หรือทางขึ้นสะพาน ที่มีความชัน (ชันมากหรือน้อยแล้วแต่ดอยที่จะไป) บางดอยก็โค้งซะเสียวไส้เลยทีเดียว ส่วนสาเหตุที่ทางขึ้นดอยต้องโค้งก็คือ
1. หลีกเลี่ยงสภาพพื้นดินที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการรับน้ำหนักรถวิ่ง หรือบางที่มีเหวลึกทำให้ไม่สามารถก่อสร้างถนนได้
2.เนื่องจากทางขึ้นเขามีความชันมาก การมีทางโค้งก็จะช่วยให้รถขึ้นเขามีความง่ายขึ้น (ตามหลักวิศวกรรม )
3. ความชันมาก อาจทำให้รถไหลตกเขาได้ จึงต้องมีทางโค้งชะลอความเร็ว
4.ถ้าเกิดตัดถนนตรง ๆ ในทางลงเขา ผู้ขับขี่บางท่านอาจจะเพลินจนลืมเหยียบเบรกและพุ่งตกเขาไปได้ จึงต้องมีทางโค้งเพื่อเตือนสติ
การเคลื่อนในทางโค้ง
ในชีวิตประจำวันเราคงคุ้นเคยการการนั่งรถไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ รถประจำทาง หรือรถจักรายานยนต์ ในขณะที่รถวิ่งไปบนท้องถนนที่เป็นทางโค้ง ผู้ขับจะต้องลดความเร็วลงเพื่อให้เข้าโค้งได้อย่างปลอดภัย หรืออาจสังเกตเห็นว่า รถจักรยานยนต์บางคันต้องเอียงทำมุมกับถนนราบในขณะที่เข้าโค้ง หรือเราอาจสังเกตเห็นบริเวณทางโค้งพื้นถนนจะยกตัวให้ลาดเอียง ทั้งนี้ เนื่องจากรถวิ่งบนท้างโค้งเป็นการเคลื่อนที่แบบวงกลม จึงมีแรงสู่ศูนย์กลางมากระทำต่อรถ นั่นเอง ดังนั้นในบทเรียนนี้เราจะเรียนรู้เกี่ยวกับแรงที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนที่บนทางโค้ง และการขับขี่ที่ปลอดภัยบนทางโค้ง
รถวิ่งบนทางโค้งราบ
ขณะรถเลี้ยวโค้ง บนถนนโค้งราบ ซึ่งมีแนวทางการเคลื่อนที่เป็นวงกลม ดังรูป
ขณะที่รถวิ่งบนทางโค้งซึ่งเป็นการเคลื่อนที่แบบวงกลม ดังนั้นต้องมีแรงสู่ศูนย์กลางกระทำต่อรถ เมื่อพิจารณาแรงที่กระทำต่อรถ พบว่า ขณะที่รถเลี้ยวโค้งรถจะพยายามไถลออกจากโค้ง จึงมีแรงเสียดทาน ที่พื้นกระทำต่อล้อรถในทิศทางพุ่งเข้าในแนวผ่านจุดศูนย์กลางความโค้ง ดังนั้น แรงเสียดทานที่พื้นกระทำต่อล้อรถคือแรงสู่ศูนย์กลาง
แรงเสียดทาน = แรงสู่ศูนย์กลาง
การเคลื่อนที่บนถนนโค้ง
ในกรณีที่รถเลี้ยวโค้ง แรงเสียดทานที่พื้นถนนกระทำกับด้านข้างของยางรถจะเป็นแรงสู่ศูนย์
กลาง ที่ทำให้รถยนต์เลี้ยวโค้งได้ และเนื่องจากแรงเสียดทานมีค่าจำกัดขึ้นกับสภาพถนน และยางรถ ดังนั้นแรงสู่ศูนย์กลางจึงมีค่าจำกัดด้วย หากถนนมีความโค้งขนาดหนึ่งอัตราเร็วที่รถวิ่งขณะเลี้ยวโค้งต้องไม่เกินกว่าแรงเสียดทานทิศสู่ศูนย์กลาง หากอัตราเร็วเกินก็จะทำให้รถไถลออกนอกโค้งเกิดอันตรายได้
การเลี้ยวโค้งจะง่ายและปลอดภัยขึ้นหากพื้นถนนถูกยกให้ ขอบถนนด้านนอกสูงกว่าขอบด้านใน ดังรูป
แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าตามหลักวิชาการ หรือเหตุผล ทางฟิสิกส์ วิศวกรรม กับโลกแห่งความเป็นจริง อาจมีปัจจัยอื่นที่ทำให้เกิดอันตรายได้ เช่น สภาพถนน สภาพอากาศ สภาพการจราจร สภาพยานพาหนะ สภาพผู้ขับขี่ สภาพแวดล้อม ต่าง ๆ ล้วนแล้วแต่ทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ทั้งนั้น ดังนั้น ควรตั้งอยุ๋บนความไม่ประมาท เมือเวลาอยู่บนท้องถนน โดยเฉพาะจุดเสี่ยง จุดอับ จุดอัตราย ต่าง ๆ โดยเฉพาะทางโค้ง ให้ระมัดระวังในการขับขี่ เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อชีวิต และทรัพย์สิน ทั้งตัวเราเอง และผู้ร่วมทาง ผู้ใช้รถ ใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วยเช่นกัน
ลิ้งวิดีโอ youtu.be/x6MyJwgBtrE